วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

งาดำ สรรพคุณ สมุนไพร

 
 
งาดำ สรรพคุณ
 
หากจะให้ถามหลายๆ คนว่าอาหารชนิดใดที่ฮ็อตฮิตด้านการบำรุงสุขภาพเชื่อว่าหลายๆ ท่านต้องมีคำตอบว่า “ชาเขียว”เพราะกระแสในบ้านเรานั้นต้องขอบอกว่ามาแรงเหลือเกิน

         ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ชาเขียวเป็นส่วนผสม แม้แต่สบู่ที่เราๆ ใช้อาบน้ำก็ยังมีส่วนผสมของชาเขียว หรือแม้แต่ในผู้ที่กำลังลดความอ้วนก็ยังมีผลิตภัณฑ์ชาเขียวสำหรับดื่มลดความอ้วนอีกด้วยแต่ ณ ที่นี้อยากจะให้ทุกๆ ท่านหันมามองธัญพืชพื้นบ้านอย่างเจ้า “งาดำ” นี้เสียหน่อยว่ามีประโยชน์และมากคุณค่า แถมยังมีราคาไม่แพง เรียกได้ว่าคุณภาพเกินราคาไปมากโข หาซื้อก็ง่าย แถมยังมีรสชาติดี สามารถนำมาผสมกับเครื่องดื่มจำพวกน้ำเต้าหู้หรือนมก็ยังได้

ใช่ว่างาดำนั้นจะไม่เคยฮ็อตฮิต เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่น้ำนมถั่วเหลืองยี่ห้อหนึ่งนำงาดำมาเป็นส่วนผสม เป็นน้ำนมถั่วเหลืองงาดำแม้ว่าร้านขายน้ำเต้าหู้ (น้ำนมถั่วเหลือง) ปาท่องโก๋ จะมีน้ำเต้าหู้งาดำจำหน่ายมาก่อนนานแล้วก็เถอะ แต่เมื่อมีโฆษณาของน้ำนมถั่วเหลืองยี่ห้อนี้ออกมา ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพราะยุคสมัยนี้เป็นยุคที่คนหันมาใส่ใจในสุขภาพกันมากขึ้นรับประทานอาหารจำพวกธัญพืช ผัก และผลไม้มากขึ้น อาจเนื่องจากมีผู้คนป่วยด้วยโรคร้ายแรงกันมากขึ้น เช่น โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ ภูมิแพ้ ฯลฯ สาเหตุมาจากการรับประทานอาหารจั๊งค์ฟู้ด (อาหารขยะ) อาหารสำเร็จรูป การดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ ไม่ใส่ใจสุขภาพ

         ผู้คนจึงเริ่มตระหนักถึงสุขภาพ และหันมาบริโภคอาหารที่มีคุณภาพ ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย และหนึ่งในอาหารที่ดี และมากคุณค่านั้นก็มี “งาดำ” ที่เป็นตัวเด่นอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มเงียบไปบ้างในระยะหลังๆ นี้ให้พอเป็นกระแสเท่านั้น เมื่อหายเห่อก็หยุดบริโภคแต่ก็ยังมีหลายท่านที่ยังคงรับประทานงาดำอย่างสม่ำเสมอเพราะรู้ว่างาดำนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายในระยะยาว อีกทั้งยังบำรุงผิวพรรณในแข็งแรงอีกด้วยงาดำนั้นมีสารอาหารสารพัดประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย ไม่ว่าจะดีต่อเส้นผม ผิวพรรณ กระดูก ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย บำรุงหัวใจเป็นต้น

สารอาหารในงาดำและคุณค่าทางโภชนาการ

นอกจากมีแคลเซียมตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว งาดำยังมีสารอาหารและแร่ธาตุอีกหลายชนิดอัดแน่นอยู่ในเม็ดเล็กๆ สีดำ ดังนี้

แคลเซียม ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าในงาดำนั้นมีแคลเซียมมากกว่านมวัวถึง 3 เท่า แคลเซียม 99% ในร่างกายนั้นอยู่ในกระดูกและฟันส่วนอีก 1% นั้นอยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ เซลล์ และของเหลว แคลเซียมนั้นไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่วยการแข็งตัวของเลือด มีส่วนในการทำงานของระบบประสาทและระบบกล้ามเนื้อให้เป็นปกติ รักษาสมดุลของกรดต่างๆ ในเลือด และช่วยให้ความดันเลือดเป็นปกติสำหรับผู้ที่มีภาวะขาดแคลเซียมหรือผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะกระดูกเสื่อม เกิดจากการที่ร่างกายดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้เพราะร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ ส่งผลให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง กระดูกจึงแตกหรือหักง่ายโดยอาการเหล่านี้มักจะเกิดในวัย 35 ปีขึ้นไป ในผู้หญิงที่หมดประจำเดือน ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำการรับประทานงาดำเป็นประจำสามารถช่วยให้กระดูกอ่อน

และกล้ามเนื้อแข็งแรง ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้ออักเสบ ปวดข้อปวดกระดูก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประพฤติตัวของแต่ละคนด้วยว่าเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้ออักเสบมากน้อยแค่ไหน เช่น ต้องยกของหนักเป็นประจำ น้ำหนักตัวที่มากเกินไป ออกกำลังกายที่ต้องใช้ข้อกระดูกที่มีการบดทับบ่อยๆ เช่น วิ่ง เล่นแบดมินตัน เป็นต้น

        ในงาดำนั้นนอกจากจะมีแคลเซียมที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรงแล้ว ยังมีสารเซซามิน (Sesamin) และเซซาโมลิน (Sesamolin) ในปริมาณสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตับ ยับยั้งการสร้างคอเลสเตอรอลในตับ และช่วยชะลอการเสื่อมสลายของกระดูกอ่อนสำหรับท่านที่ไม่สามารถบริโภคผลิตภัณฑ์นมวัวเนื่องจากแพ้โปรตีนในน้ำนมก็ไม่ต้องกังวลไปว่าจะไม่ได้รับแคลเซียม เพราะในงาดำนั้นมีแคลเซียมมากกว่าในนมวัวเสียอีก ในงาดำ 100 กรัมนั้น

มีแคลเซียมกว่า 50 มิลลิกรัมด้วยเหตุนี้ในน้ำนมถั่วเหลืองจึงมีการเติมงาดำเพื่อเพิ่มแคลเซียม อีกทั้งยังมีในขนมเบเกอรี่ เช่น เค้กงาดำคุกกี้งาดำ ขนมปังโฮลวีทงาดำ และในขนมขบเคี้ยวก็ยังนำงาดำมาเป็นส่วนประกอบ

ไขมันไม่อิ่มตัว ในเม็ดงา 100 กรัมนั้นประกอบไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว(Monounsaturated Fat)และเชิงซ้อน (PolyunsaturatedFat) ในสัดส่วนที่พอๆ กันถึง 45-60 กรัมเลยทีเดียวขออธิบายก่อนว่า เจ้าไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง

- กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ และยังช่วยให้เลือดเหลว ไม่หนืดข้น ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดที่จะไหลเวียนได้ง่าย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยเพิ่ม HDLหรือ High Density Lipoprotein คือไขมันที่มีความหนาแน่นสูง เป็นไขมันที่ดีสำหรับหลอดเลือดแดง จะป้องกันไม่ให้ไขมันที่ไม่ดี (คอเลสเตอรอล) ไปพอกสะสมในหลอดเลือดแดง

- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่รู้จักกันอย่างดีนั้น คือกลุ่มโอเมก้า 3 (กรดไลโนเลอิก) และกลุ่มโอเมก้า 6 (กรดไลโนเลอิก) ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้เป็นไขมันจำเป็นสำหรับร่างกาย ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ระบบหัวใจแข็งแรง ช่วยให้ผมดกดำบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น

ธาตุเหล็ก เป็นเกลือแร่ชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกายเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายคนเรานั้นมีธาตุเหล็กอยู่ประมาณ 3.5 กรัม สีแดงที่มองเห็นในเม็ดเลือดนั้นคือสีที่เกิดจากธาตุเหล็กนั่นเองธาตุเหล็กนั้นยังกระจายไปอยู่ในไขกระดูก ซึ่งไขกระดูกก็จะนำธาตุเหล็กไปสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงไหลเวียนไปทั่วร่างกายพาออกซิเจนไปเลี้ยงทุกเซลล์ของร่างกายคนเราถ้าจะให้ส่วนสำคัญส่วนต่างๆ ในร่างกายเรานั้นทำงานได้อย่างปกติดี เม็ดเลือดแดงจะต้องมีจำนวนมากพอ หากเม็ดเลือดแดงมีจำนวนน้อยก็จะทำให้เกิดการพร่องของธาตุเหล็ก การทำงานของอวัยวะต่างๆ ก็จะเริ่มทำงานไม่ปกติและเสื่อมถอยไปในที่สุดเด็กเล็กๆ ก็ต้องการธาตุเหล็ก เพราะช่วยเสริมสร้างไอคิวช่วยการเจริญเติบโตของสมอง ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาของสมอง สติปัญญา และความสามารถในการเรียนรู้แม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ส่วนธาตุเหล็กก็ต้องได้รับอย่างพอเพียงด้วย เพราะหญิงมีครรภ์นั้นมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดเลือดจางตั้งแต่อายุครรภ์ยังน้อย และหากอายุครรภ์มากขึ้นก็ยิ่งต้องการธาตุเหล็กมากขึ้น เพื่อป้องกันการเสี่ยงต่อการตกเลือดในขณะคลอดนอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยให้ทารกในครรภ์มีไอคิวที่ดี และสำหรับทารกแรกเกิดนั้น หากพบว่าร่างกายขาดธาตุเหล็กในช่วงขวบปีแรกจะส่งผลต่อพัฒนาการและความสามารถในการเรียนรู้ ดังนั้นจะเห็นว่าไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน ตั้งแต่ทารกในครรภ์จนถึงวัยชรา รวมไปถึงนักกีฬาหรือกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ต้องใช้กำลังร่างกายล้วนต้องการธาตุเหล็กทั้งสิ้น

แมกนีเซียม มีส่วนควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นการทำงาน ของเอนไซม์ที่จำเป็นเพื่อเผาผลาญสารอาหาร สังเคราะห์โปรตีน ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้เป็นปกติ

         ในโครงสร้างกระดูกของคนเรานั้น มีธาตุแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 25 กรัม และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเซลล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อเนื้อเยื่อ และเซลล์สมอง การรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมต่ำเป็นเวลานาน จะส่งผลไปยังการทำงานของระบบประสาท ไต หัวใจ กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด และส่งผลไปยังระบบการย่อยอาหาร ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพและทำให้เลือดแข็งตัวช้าผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะขาดธาตุแมกนีเซียมคือผู้ที่ดื่มสุราอย่างหนักผู้ที่ลดความอ้วนด้วยการอดอาหาร หรือผู้ป่วยหลังผ่าตัดที่ต้องงดอาหาร

สังกะสี เป็นแร่ธาตุหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ช่วยไม่ให้เป็นหวัดได้ง่าย ช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น ป้องกันความเสี่ยงในการเป็นหมันสำหรับผู้ชาย ลดการร่วงของเส้นผม และทำให้ผมใหม่งอกเร็วขึ้น แต่ไม่ช่วยในผู้ที่ศีรษะล้านตามช่วงอายุหรือตามกรรมพันธุ์แม้ว่าร่างกายจะต้องการธาตุสังกะสีน้อยกว่าแร่ธาตุอื่นๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมีความสำคัญต่อร่างกายเพียงน้อยนิด เพราะธาตุสังกะสีเป็นส่วนสำคัญต่อกระบวนการทำงานทุกส่วนของร่างกาย

ฟอสฟอรัส ช่วยให้เกลือแร่ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการเจริญเติบโตและเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน ควบคุมการทำงานของไต และช่วยให้วิตามินบีต่างๆ ทำงานได้อย่างเต็มที่อาหารที่มีแคลเซียมสูงนั้นมักจะมีฟอสฟอรัสสูงด้วยเช่นกันช่วยกระตุ้นประสาท ช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

โพแทสเซียม เป็นอิเล็กโทรไลต์ (สารประกอบที่สามารถแตกตัวเป็นไอออนได้) ทำงานกับโซเดียมคอยควบคุมสมดุลของของเหลวในเซลล์ให้เป็นปกติ ช่วยกระตุ้นประสาทเรื่องการหดตัวของกล้ามเนื้อและการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นไปอย่างปกติ รักษาภาวะสมดุลของน้ำในร่างกาย นำออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ช่วยให้ไตขับของเสียออกจากร่างกาย กระตุ้นการทำงานของลำไส้

ทองแดง เป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แม้ร่างกายจะต้องการธาตุนี้ในปริมาณน้อยมาก แต่ก็ขาดไม่ได้ เพราะธาตุทองแดงจะช่วยให้ธาตุเหล็กดูดซึมได้ดีขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการสร้าง

เฮโมโกลบิน ช่วยเผาผลาญโปรตีนและการสร้างสีผิวหนัง สีผม อีกทั้งวิตามินก็ต้องการธาตุทองแดงในการสร้างอีลาสติน ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัย ผู้ที่ขาดธาตุทองแดงจะมีอาการโลหิตจางเนื่องจากธาตุเหล็กดูดซึมไม่ดี ผมร่วง หรือผมหงอกมากแม้ยังอยู่ในช่วงวัยกลางคนนอกจากนี้ในเม็ดงายังมีวิตามินอี ไอโอดีน ใยอาหาร ในน้ำมันงาจะมีสารแอนติออกซิเดนท์ที่สำคัญ ช่วยป้องกันไขมันจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น สารเซซาโมลินและเซซามินในน้ำมันงาจะช่วยให้วิตามินอีในการป้องกันอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอลได้ดีอีกด้วย

   เราพอจะสรุปได้ว่า งาดำนั้นเป็นธัญพืชที่มีสารอาหารนานัปการมีประโยชน์ต่อสุขภาพ การรับประทานงาดำนั้นควรจะทุบให้งาแตกก่อน เพราะการโรยบนหน้าอาหาร หรือบนสลัดนั้นอาจจะทำให้ได้รับสารอาหารปริมาณน้อยการรับประทานน้ำมันงาก็นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ร่างกายจะได้ดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่ อีกทั้งยังสามารถนำน้ำมันงามานวดตัวเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดเมื่อย ปวดเข่า เคล็ดขัดยอก ปรับระดับฮอร์โมนให้อยู่ในสภาวะปกติผู้ที่บริโภคงาดำเป็นประจำจะช่วยให้นอนหลับง่าย ป้องกันโรคเหน็บชา บำรุงกระดูก บรรเทาอาการท้องผูกและโรคริดสีดวงทวารบำรุงรากผม และช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ช่วยการขาดโปรตีนได้

เมื่อเห็นดังนี้แล้วก็ควรหันมาให้ความสำคัญกับงาดำกันเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวท่านเองและคนที่ท่านรัก

แต่การที่จะใช้งาดำให้เกิดสรรพคุณอย่างเต็มคุณค่านั้น ต้องผ่านกรรมวิธีบางประการ เพื่อคงความบริสุทธิ์เอาไว้ ในบทต่อไปจะแนะนำให้ท่านรู้จักและเข้าใจงาดำที่ถูกนำมาใช้กับสุขภาพของมนุษย์แบบถูกต้องถูกวิธีครับการประยุกต์ใช้สารสกัดเซซามินจากงาดำ


อ้างอิง
-smartlife-plus
-โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
-ตำราเเพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขาเภสัชกรรม โดย กองการประกอบโรคศิลปะ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
 
 

คำค้นแหล่งรวม ยาสมุนไพร ทั้ง ปลีก ส่งสมุนไพรแห้งสินค้าสมุนไพรผลิตภัณฑ์สมุนไพร สมุนไพรบด สมุนไพร รักษาอาการ ปวดขา ปวดแขนปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดคอ ปวดบ่าปวดไหล่ รักษา อาการ ยาสมุนไพร อาการนิ้วชา มือชา มือเท้าชา ล้างสารพิษ ตกขาวต้านอนุมูลอิสระสร้างภูมิคุ้มกันรักษามดลูกต่ำ สิวฝ้า จุดด่างดำบนใบหน้า ควบคุมน้ำตาลในเลือด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รูมาตอยด์ไมเกรนโรคเกาท์ไข้หวัดเเก้ไอเจ็บคอ ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ปวดหัว เวียนศีรษะ เคล็ดขัดยอก งูสวัด โรคผิวหนัง หน้ามืด เป็นลม สมุนไพร แก้ อาการอักเสบ กล้ามเนื้อ สมุนไพรรักษาอาการ ปวดประจำเดือน สมุนไพรรักษาอาการตกขาว สมุนไพรล้างสารพิษ หาได้ที่ ตลาดยาสมุนไพร.com



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น