วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ข้าว สรรพคุณ อาหารพื้นเมือง

เรื่อง : ข้าว  สรรพคุณ สมุนไพร
รูปภาพจาก : ทิพย์โอสถยาไทย
ติดตาม ID Line : chanmd1
อ่านต่อที่ : WWW.taladyasamoonpai.com
 
 
 
ข้าว
ชื่ออื่น ๆ : ข้าวเจ้า ข้าวเนียว (ภาคกลาง) ข้าวนึ่ง (ภาคเหนือ) ข้าวเหนียวปั้ว ข้าวคอแร้ง (อ่างทอง) ข้าวไข่แมงดา บือถู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ตั่วบี่ แกบี้ (จีน)
ชื่อสามัญ : Rice Plamt
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oryza sativa Linn.
วงศ์ : GRAMINEAE
ลักษณะทั่วไป
ต้น : ข้าวเป็นพรรณไม้จำพวกหญ้าล้มลุก เป็นพรรณไม้น้ำลำต้นนั้นภายในจะกลวงและเป็นข้อมีความสูงประมาณ 1-1.5 เมตร ส่วนมากจะขึ้นในโคลนที่เป็นดินเหนียว
ใบ : ลักษณะของมันบางแคบและยาวประมาณ 30-60 ซม. กว้างประมาณ 0.6-2.5 ซม. เส้นใบกลางนั้นเราจะเห็นได้ชัดตรงปลายใบแหลมและโคนใบที่หุ้มรอบลำต้นนั้นยาวประมาณ 0.8-2.5 ซม. ส่วนผิวใบและขอบใบนั้นจะมีขนสั้น ๆ ทั้ง 2 ด้าน
ดอก : จะออกเป็นช่อดอรวม ซึ่งเรียกว่ารวงข้าว ดอกกลมรียาวประมาณ 6-8 ซม. ดอกที่ไม่ติดผลนั้นมันจะฝ่อและลีบเป็นหนามแหลม ส่วนดอกย่อยจะมีเกสรตัวผู้อยู่ 6 อันและอับเรณูยาวราว 2 มม. ก้านเกสรตัวเมียมีอีก 2 อัน ลักษณะนั้นคล้ายนก ช่อด้านถ้าแก่จัดจะงอลง
เมล็ด (ผล) : เป็นรูปไข่ปลายแหลมมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 2-3 มม. ยาวประมาณ 0.6-1.5 ซม. เมื่อยังอ่อนจะมีสีเขียวถ้าสุกเต็มที่มีสีเหลืองทอง เป็นพรรณไม้ที่ขึ้นในเมืองร้อน
การขยายพันธุ์ : โดยการหว่านเมล็ดมักจะหว่านในดินเหนียวที่เป็นโคลนจะทำให้การเจริญเติบโตงอกงามได้ดีกว่าดินอื่น ๆ
ส่วนที่ใช้ : ข้าวงอก ข้าวที่ราลง เมล็ด ต้นอ่อนของข้าวเหนียว ต้นและรากข้าวเหนียว ลำต้นและใบ (ฟาง) น้ำซาวข้าว น้ำข้าว รำแกลบ ใช้เป็นยา
สรรพคุณ : ข้าว เป็นอาหารหลักของคนตะวันออก นำมาต้มหรือคั่วกินใช้ประมาณ 30-60 กรัม มัรสชุ่ม ให้พลังงาน บำรุงกาย กระเพาะอาหารและลำไส้ ใช้แก้ท้องร่วง บิด
ข้าวเหนียว ใช้ต้มกิน บดเป็นผงหรือทำรูปให้เป็นเม็ดกินจะบดเป็นผงผสมใช้ทาภายนอกรักษาเหงื่อออกมากผิดปรกติและอาการท้องร่วงหรือบิด ให้พลังงาน บำรุงร่างกาย
รากข้าวเหนียว นำไปต้มน้ำกินใช้แห้งประมาณ 30-60 กรัม มีรสชุ่ม ช่วยกระตุ้นน้ำลายและละลายเสมหะ บำรุงกระเพาะอาหาร แก้เหงื่อออกมาก
ข้าวที่ราลง (ข้าวดอกกระถิน) ใช้นักษาม้าที่เจ็นคอเปนอัมพาต เอาข้าวที่ราลงเผาให้เป็น ถ่านแล้วบดเป็นผง ใช้ผสมกับเหล้าให้ม้ากิน เป็นข้าวที่มีพิษ ถ้ากินมากอาจตายได้
ต้นอ่อนข้าวเหนียว นำไปต้มน้ำกินใช้แห้งประมาณ 10-30 กรัม ทำให้ย่อยอาหาร ช่วยหล่อลื่นลำไส้และช่วยลดเสมหะ บรรเทาอาการไอที่ไม่รู้สาเหตุ
น้ำข้าว ใช้กินได้ตอนอุ่น ๆ พอสมควร มีรสชุ่ม บรรเทาอาการร้อนและกระหายน้ำ หรืออาเจียนเป็นเลือด ตาแดง เลือดกำเดาออกง่าย ไม่มีพิษ สามารถขับปัสสาวะได้
น้ำซาวข้าว กินได้พอสมควรหรือผสมน้ำอุ่นกิน มีรสชุ่มเย็น บรรเทาอาการร้อนแลกระวนกระวานหรือกระหายน้ำ รักษาอหิวาตกโรค อาหารที่ไม่ย่อยและแก้พิษได้ โดยการกินน้ำซาวข้าว 1 แก้ว และป็นน้ำซาวข้าวที่ไม่เป็นพิษ
รำข้าว อุดมไปด้วยวิตามินบี สามารถนำมาต้มกินได้พอสมควรอาจจะทำเป็นเม็ดหรือนำมาบดเป็นผงกิน รสชุ่มมีกลิ่นฉุนใช้บำบัดโรคเหน็บชาหรือสะอึกและช่วยหล่อลื่นลำไส้ จะช่วยย่อยและเจริญอาหารเป็นรำข้าวที่ไม่มีพิษ
ข้าวงอก (rice malt) ใช้เป็นยาช่วยย่อยอาหารเพราะในข้าวงอกมีน้ำย่อยแป้ง ใช้แห้ง 10-15 กรัม นำไปต้มกิน
แป้งข้าวเจ้า นำไปใช้พอกเพื่อบรรเทาอาการอักเสบในไฟลามทุ่ง (erysipelas) และผิวหนังน้ำร้อนลวกกริผื่นแสบร้อนที่ผิวหนัง ผดผื่นคันเล็ก ๆ น้อย ๆ ความชุ่มชื่นและอ่อนนุ่มของข้าวช่วยลดการระคายเคืองด้วย
ฟาง นำไปต้มกินหรือเผาให้เป็นเถ้าใช้ละลายน้ำถิ้งไว้ให้ตกตะกอนแล้วรินเอาน้ำมาใช้ ใช้เฉพาะภายนอต้มน้ำชะล้าง มีรสชุ่ม สามารถขับลมและทำให้เรอ รักษาอาการท้องอืดแน่นปวดท้อง ท้องร่วง กระหานน้ำ ริสีดวงทวาร ดีซ่าน และแผลที่เกิดจากไฟหรือน้ำร้อนลวก
ข้อห้ามใช้ : ข้าวเนียว อาจทำให้อาหารไม่ย่อยและเกิดท้องผูกสำหรับคนที่มีระบบการย่อยที่ไม่ดี ข้าวที่มีราลง (ข้าวดอกกระถิน) จะมีพิามาก ไม่ควรที่จะนำมากิน
ตำรับยา
1. รักษาพิษจากสารหนู (arsenic) นำฟางไปเผาเป็นเถาแล้วนำไปแช่น้ำ ผสมกับผงครามที่ได้จากพรรณไม้ 10 กรัม กินได้
2. อาเนียดเป็นเลือด เลือดกำเดาไหล ใช้น้ำข้าวซ้อมมือมา 1 แก้วนำมาอุ่นกิน หรือจะใช้น้ำข้าวผสมกับน้ำมันพืชหรือน้ำที่คั้นได้จากหัวผักกาดขาวใช้หยอดจมูก
3. บำรุงม้าม ช่วยย่อยและทำให้เจริยอาหาร กระตุ้นน้ำภายหลังฟื้นไข้ ใช้ข้าวงอก 120 กรัม ลูกเร่วดง (Amomum villosum Lour.) แปะชุก (Atractylodes macrocephala Koidz.) นำไปคั่วอย่างละ 30 กรัมแล้วบดเป็นผงผสมน้ำร้อนกินแทนน้ำชาหรือทำเป็นยาเม็ดกินได้
4. รักษาโรคเหน้บขา โดยการนำรำข้าวใหม่ปราศจากเชื้อราลงมา 5 ถ้วยชา แล้วใส่น้ำพอประมาณนำไปต้มให้เดือดเทกากทิ้ง เทน้ำที่ต้มได้นำไปต้มกับข้าวกินเป็นประจำ
5. เป็นฝีบนหัวเด็ก ให้ใช้ข้าวเหนียวสุกที่เผาจนเป็นถ่านบดเป็นผงให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำมันทาเฉพาะส่วนที่เป็นฝี
6. บิดถ่ายเป็นโลหิต นำฟางที่ตากแห้งเผา เอาไปแช่น้ำอุ่นพออุณหภูมิ 35C แล้วสวนล้าง
7. ทำเป็นยาช่วยให้เกิดการอาเจียน โดยการเอาฟางที่เผาแล้วนำไปผสมกับน้ำอุ่นกิน อาจจะอาเจียนเอาตัวพยาธิไส้เดือนที่อยู่ในกระเพาะอาหารติดออกมาด้วย
8. แก้อาการสะอึก ลำคอตีบตัน กินไม่ลง นำรำข้าวใหม่ที่ไม่มีเชื้อราลง เอาไปผสมกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นเม็ดขนานเท่าลูกมะยม แล้วอมไว้ครั้งละ 1 เม็ด
9. ถ้าปวดเอว ควรใช้ข้าวเหนียวประมาณ 1-2 ถ้วยชา นำไปคั่วจนร้อนแล้วเอาใส่ถุงประคบตามที่ปวด หรือบดเป็นผงผสมกับลุกโป้ยกั๊ก (illicium verum Hook. F.) หรือเหล้าและเกลือกินได้
10. บรรเทาการกระหายน้ำ หรือเหงื่อที่ออกมาผิดปกติเอารากข้าวเหนียวที่เผาออกมาเป็นเถ้านำไปแช่น้ำกิน หรือจะใช้ไส้ตรงข้างในลำต้นเอาเฉพาะส่วนเนื้อทีฟ่ามสีขาว เอาเผาเป็นเถ้า แช่น้ำไว้ 1 แก้ว เพื่อเทเอาน้ำกิน
11. ใช้เป็นยาระบาย โดยนำรำข้าวมา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำอีก 1 แก้ว ต้มจนเดือดแล้วยกลงตั้งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วคนให้ทั่วกิน
12. กินเนื้อวัวมากเกินไป ทำให้คลิ่นไส้ รู้สุกจุกแน่นหน้าอกและเบื่ออาหาร ร่างหายจะเหลืองซีดและผอม ให้นำฟางที่แห้งแล้วมาประมาณ 15 กรัม ผสมกับน้ำตาลทรายประมาณ 3 กรัม ต้มมกับน้ำใช้กินได้
13. ตาแดง ให้ใช้น้ำข้าวผสมกับผงเก๊กฮวยแล้วให้กินก่อนนอน จะทำให้ตาแดงหายเป็นปกติ
14. ตับอักเสบชนิดที่ติดต่อได้ ให้ใช้ฟางที่ตากแห้งผสมกับโพวกงเอง (Taraxacum mongolicum Hand.-Mazz) ใช้ชนิดละ 60 กรัม ต้มกับน้ำใช้กินได้
15. ผิวหนังอักเสบเนื่องจากการทำนา ให้ใช้ฟางและสารส้มปริมาณเท่ากัน แล้วหั่นฟางต้มกับน้ำให้เดือดนาน 30 นาที ก่อนใช้อีก 30 นาที แล้วใส่สารส้มลงไปสามารถนำไปแช่เพื่อชะล้างภายนอก
16. กินยามากเกินไปจนเกิดอาการแพ้ยา หรือโดนพิษจนเกิดอาการกระวนกระวาย ควรใช้ข้าวดิบแช่ในน้ำเทน้ำดื่มได้ประมาณ 5 ถ้วยชา
17. ปัสสาวะเป็นหนอง ให้ใช้ฟางที่ตากแห้งต้มกับน้ำแล้วคั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน จึงนำมากิน
ข้อมูลทางคลีนิค
1. ฟางข้าวเหนียว ใช้รักษาตับอักเสบได้ดีควรใช้ประมาณ 100 กรัม ลงในน้ำ 1 ลิตร ควรใช้ไฟแรง ๆ ต้มจนเหลือประมาณ 200 มล. แบ่งกินได้ 2 ครั้ง ปรกติคนใช้ยากินติดต่อกันนาน 25-30 วัน จกสถิติคนไข้ 43 ราย รักษาได้ผลดีมาก และอาการตับโตจะลดลง และตับก็จะทำงานได้ตามปรกติ 35 ราย เฉลี่ยแล้วจะต้องรักษาตัวอยู่ในดรงพยาบาลเพียง 40.2 วัน และอีก 7 วัน อาการดีขึ้นเหมือนกันแต่ตับโตเหมือนเดิมมและทำงานไม่ปรกติดีเท่าไหร่ ส่วนอีก 1 ราย ไม่ได้ผล จากการเปรียบเทียบยานี้กินแล้วเกิดอาการเบื่ออาหาร ไม่ชอบจำพวกไขมันและรูสึกอ่อนเพลีย หลังกินยานี้ 13 วัน อาการเจ็บที่ตับจะลดลง หลัง 20.1 วัน อาการตับโตจะลดลงเฉลี่ยแล้ว 28.2 วัน และอากรร่างกายเหลืองจะหายเฉลี่ยแล้ว 10.9 วัน ส่วนการรักษาโดยใช้ฟางข้าวเหนียว 50 กรัม จากสถิติคนไข้ 30 ราย ได้ผลดีบางรายกินแล้ว 2 วัน ปัสสาวะมากและเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีใสขึ้นและเจริญอาหาร ส่วนคนไข้หายเร็วที่สุด ใช้เวลาแค่ 7-10 วัน และอาการร่างกายเหลืองก็จะลดลงใช้เวลาแค่ 7-12 วัน
2. รากข้าวเหนียว ให้ใช้รักษาโรคพยาธิในต่อมน้ำเหลือง (Filariasis malayi) ตัวอย่างโรคพยาธิเท้าช้าง จะใช้รากข้าวเหนียวต้มกับน้ำกินวันละ 2 ครัง และการใช้รากสดปริมาณต่าง ๆ กันคือ 30 60 120 240 500 และ 1000 กรัม ต้มน้ำกินภายในระยะเวลา 3-10 วัน คิดเป็น 1 รอบ จากสถิติคนไข้ 389 ราย มีอาการดีขึ้นเป็นจำนวน 80% แลผลทดลองครั้งแรกให้กินวันละประมาณ 30-60 กรัม ติดต่อกัน 10 วันจะได้ผลดี เนื่องรักษานานมากไป ถ้าใช้ปริมาณวันละ 1000กรัม ติดต่อกันอีก 2 วัน จะเกิดดีเหมือนกัน บางรายจะมีอาการเปรียบเทียบคือ รู้สึกปวดหัว วิงเวียน หนาว ๆ ร้อน ๆ อึดอัด ที่ต่อมน้ำเหลืองบวมแข็งฉะนั้นควรกินประมาณวันละ 250-500 กรัม กินติดต่อกันอีกประมาณ 5 วัน จะดีขึ้นและไม่มีอาการใด ๆ เกิดขึ้น ใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการรักษา และจากผลทดลองให้กินยา ติดต่อกันอีก 2-3 วัน คนไข้ 18 ราย มีอาการบวมเพราะจากต่อมน้ำเหลืองที่แขนและขาหนีบอุดตัน จะมีผลหายขาด คิดว่ายาชนิดนี้มีผลฆ่าพยาธิได้อย่างหนึ่ง ส่วนรากข้าวเหนียวสด 125 กรัม ใช้ต้มกับน้ำกินวันละ 2 ครั้ง ทำติดต่อกันราว 20 วัน คิดเป็น 1 รอบ จากการรักษาหรือนานกว่านี้ก็ได้ จากสถิติคนไข้ 8 ราย เป็นโรคพยาธิในต่อมน้ำเหลือง จะมีปัสสาวะเป็นไขมันติดมามีสีขาวข้นคล้ายน้ำนม (Chyluria) จะได้ผลหาย 4 ราย อาการดี 3 ราย และอีก 1 ราย ไม่ได้ผล
ข้อมูลทางเภสัชวิทยา
ในรำข้าวมีสาร oryzanol ที่มีผลต่อสายตา และส่วนที่ประกอบกับประสาทส่วนกลาง รับประทานครั้งละ 10-30 มก. วันละ 3 ครั้ง จะใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือจะฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อประมาณครั้งละ 10 มก. สามารถกระตุ้นเส้นประสาทที่ลีบได้เป็นอย่างดี จากผลการทดลองมีผลให้หนูเจริญเติบดตได้เร็วขึ้น ทำให้มีปริมาณไกลโคเจนในตับเพิ่มมากขึ้น ส่วนรำข้าวหรือแกลบที่สกัดได้ จะมีสารที่สามรถต่อต้านโรคมะเร็งที่ท้องของหนูตัวเล้กที่เป็นโรคมะเร็งที่ท้อง และเป็นเนื้องอก (Sarcoma-180) บนแกลบมีเชื้อรา (Penicillium islandicum Sopp.ซึ่งเกิดจากจำพวก (peptide chloride และ luteoskyrin แล้วเอาให้หนูหรือกระต่ายบ้านกิน ซีงมีพิษต่อตับทำให้ตายได้

อ้างอิง
- โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
- ตำราแพทย์แผนไทยโบราณทั่วไป สาขาเภสัชกรรม โดย กองการประกอบโรคศิลปะ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
- samunpri.com
 
คำค้น
แหล่งรวม ยาสมุนไพร ทั้ง ปลีก ส่งสมุนไพรแห้งสินค้าสมุนไพรผลิตภัณฑ์สมุนไพร สมุนไพรบด สมุนไพร รักษาอาการ ปวดขา ปวดแขนปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดคอ ปวดบ่าปวดไหล่ รักษา อาการ ยาสมุนไพร อาการนิ้วชา มือชา มือเท้าชา ล้างสารพิษ ตกขาวต้านอนุมูลอิสระสร้างภูมิคุ้มกันรักษามดลูกต่ำ สิวฝ้า จุดด่างดำบนใบหน้า ควบคุมน้ำตาลในเลือด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รูมาตอยด์ไมเกรนโรคเกาท์ไข้หวัดเเก้ไอเจ็บคอ ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ปวดหัว เวียนศีรษะ เคล็ดขัดยอก งูสวัด โรคผิวหนัง หน้ามืด เป็นลม สมุนไพร แก้ อาการอักเสบ กล้ามเนื้อ สมุนไพรรักษาอาการ ปวดประจำเดือน สมุนไพรรักษาอาการตกขาว สมุนไพรล้างสารพิษ หาได้ที่ ตลาดยาสมุนไพร.com
 
สำนักงานฝ่ายขาย : ตลาดยาสมุนไพร.com
อีเมล์ chaniso@gmail.com หรือ chaniso1@hotmail.com
ติดต่อสอบถาม ตลาดยาสมุนไพร โทร 02-173-3394  มือถือ 082-073-7929 (true) 092-206-4810 (dtac) 087-013-1861 (1-2-call )
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น